ติว เลข สอน คณิตศาสตร์ม.ปลาย เรียน เป็น กลุ่ม ตัวต่อตัว online ออนไลน์ จองด่วนๆ สอนสดมีจำกัด -คณิตศาสตร์สุดซอยของ ม.ปลาย

เลข
เลข
  • หน้าหลัก
  • คอร์สเรียน
  • แนวคิดการเรียนเลข 1
  • แนวคิดการเรียนเลข 2
  • ไขปริศนา ด้วยโจทย์คณิต #1
  • ไขปริศนา ด้วยโจทย์คณิต #2

ไขปริศนา ด้วยโจทย์คณิตศาตร์ #2 คณิตศาสตร์ สุดซอยของ ม.ปลาย

EP08 จริงดิ!! คลื่นความเข้มข้นแผ่นดินไหวคำนวณได้? (ตอนจบ)

โจทย์

การเลือกสมการพลังงานคลื่น (Energy Attenuation) (ไม่สามารถเขียนสมการในที่นี่ได้ ให้ดูในคลิป) 


กำหนดให้ (ไม่สามารถเขียนสัญญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ได้ ดูในคลิปประกอบ) 

  • Iศูนย์ =ความเข้มเริ่มต้น 
  • d = ระยะห่างจากศูนย์กลาง 


*ถ้าความเข้มของคลื่นที่จุดเริ่มต้นคือ Iศูนย์ =1.0 (normalized) 

*สมมติว่าจุดที่คำนวณความเข้มคลื่นอยู่ในพื้นที่เมือง Los Angeles (ห่างจากแหล่งกำเนิด 500 km) 


คำถาม

หาค่าความเข้มของคลื่น I(d) ที่ระยะห่าง d= 500 km หากเริ่มต้นที่ Iศูนย์ = 1.0 และใช้อัตราความสลายพลังงานตามสูตรที่กำหนด
 

ส่งคำตอบได้ 2 ช่องทาง

1. https://www.facebook.com/mathonly

2.   https://forms.gle/hkUgFsur9JjFWAro7 

หากต้องการคลิปเฉลยคำตอบระเอียด แจ้งทาง Facebook ใส่ใต้คลิปคำถามในเพจได้เลย จะจัดส่งให้ฟรี


" ความรู้เป็นสิ่งมีค่า ทำให้แต่ละคนแตกต่าง ดังนั้นควรมอบให้ผู้ที่มีความเพียร และรู้คุณค่า"



ได้อะไรจากการทำโจทย์

จากการทำโจทย์ข้อนี้ เราสามารถเข้าใจและสรุปสิ่งสำคัญได้หลายอย่างเกี่ยวกับ การกระจายพลังงานของคลื่นไหวสะเทือน รวมถึงการใช้ สมการพลังงานคลื่น ในการวิเคราะห์ผลกระทบจากแผ่นดินไหวได้ ดังนี้: 


1.  การลดทอนพลังงานตามระยะทาง 

สมการ แสดงให้เห็นว่าความเข้มของคลื่น (หรือพลังงานคลื่น) จะลดลงเมื่อระยะห่างจากแหล่งกำเนิดเพิ่มขึ้น โดยความเข้มจะลดลงในอัตราส่วน ซึ่งทำให้เราเห็นได้ว่าคลื่นที่ห่างไกลจากจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวจะมีพลังงานลดลงอย่างมาก 


2. การคำนวณความเข้มที่ระยะห่าง 500 กิโลเมตร 

 เมื่อเราคำนวณ เราจะเห็นว่าความเข้มของคลื่นที่ห่างจากศูนย์กลางแผ่นดินไหว 500 กิโลเมตรมีค่าเพียงใด ซึ่งหมายถึงว่าเมื่อระยะทางจากแหล่งกำเนิดเพิ่มขึ้นมาก ความเข้มของคลื่นก็จะลดลงอย่างมาก 


3. การประเมินผลกระทบในพื้นที่ต่าง ๆ 

การใช้ค่า I(500) ช่วยให้เราประเมินว่าพื้นที่ที่ห่างจากศูนย์กลางแผ่นดินไหวจะได้รับผลกระทบมากน้อยแค่ไหน โดยสามารถนำค่าความเข้มนี้ไปใช้ในการคำนวณความเสียหายหรือการออกแบบโครงสร้างที่ทนทานต่อแผ่นดินไหวได้ 


4. การเตรียมความพร้อมสำหรับเหตุการณ์แผ่นดินไหว 

การคำนวณความเข้มของคลื่นไหวสะเทือนที่ระยะต่าง ๆ ช่วยให้เราคาดการณ์การกระจายของพลังงานแผ่นดินไหวและเตรียมแผนการป้องกันในพื้นที่ต่าง ๆ ได้ 


5. การประยุกต์ใช้ในวิทยาศาสตร์และวิศวกรรม 

ข้อมูลเหล่านี้มีประโยชน์ในการศึกษาพฤติกรรมของแผ่นดินไหว เช่น การวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยง การออกแบบโครงสร้างและอาคารให้สามารถทนต่อแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหว และการประเมินความเสี่ยงในพื้นที่ต่าง ๆ 


สรุป

โจทย์นี้ช่วยให้เราเข้าใจถึงหลักการ การลดทอนพลังงานคลื่น และวิธีการ คำนวณความเข้มของคลื่น เมื่อเกิดแผ่นดินไหว ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการวิเคราะห์ผลกระทบจากแผ่นดินไหวและช่วยในการออกแบบการป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ 


------สมการหนึ่งบรรทัด อธิบายแรงที่เขย่าทั้งแผ่นดิน----- 

 

EP07 จะหนีทันมํ๊ย??? คลื่นแผ่นดินไหวกำลังจะมา...เร็ว... ตอน 3

คำถาม

 "คลื่น S จะใช้เวลากี่วินาทีถึงเมือง San Francisco?" (เรื่องราวทั้งหมดเริ่มจาก EP05)
 

ส่งคำตอบได้ 2 ช่องทาง

1. https://www.facebook.com/mathonly

2.  https://forms.gle/LLbaUfgMqBdSNoM29 

หากต้องการคลิปเฉลยคำตอบระเอียด แจ้งทาง Facebook ใส่ใต้คลิปคำถามในเพจได้เลย จะจัดส่งให้ฟรี


" ความรู้เป็นสิ่งมีค่า ทำให้แต่ละคนแตกต่าง ดังนั้นควรมอบให้ผู้ที่มีความเพียร และรู้คุณค่า"



ได้อะไรจากการทำโจทย์

1. ฝึกการใช้สูตรฟิสิกส์พื้นฐาน 

 ใช้สูตรเวลา = ระยะทาง ÷ ความเร็ว 

  •  ฝึกการแปลงหน่วยจากวินาที → นาที + วินาที 
  •  ได้ฝึกการปัดค่าทศนิยมอย่างเหมาะสม (ประมาณค่าให้เข้าใจง่าย 


2.เสริมความเข้าใจเกี่ยวกับการเกิดแผ่นดินไหว 

  •  ทำให้เข้าใจว่า คลื่น S เดินทางช้ากว่าคลื่น P 
  •  ตระหนักถึง “เวลานำ” ที่อาจมีสำหรับการเตรียมรับมือในชีวิตจริง  


3.เชื่อมโยงคณิตศาสตร์กับสถานการณ์จริง 

  • เป็นโจทย์ที่นำคณิตศาสตร์มาใช้กับเหตุการณ์ภัยพิบัติ  
  •  ฝึกการตีความข้อมูลและคิดวิเคราะห์จากตัวเลข 


4. เสริมความรู้รอบตัว + ทักษะการเอาตัวรอด 

  • มากกว่าการคิดเลข -ตั้งสมมติฐาน → คำนวณ → วิเคราะห์ → สรุปผล 
  • ช่วยให้คิดเชิงระบบ และ เห็นภาพรวม ไม่ใช่แค่ตัวเลข 


สรุป

  •  ทำให้รู้ว่า “เมื่อเกิดแผ่นดินไหว เราอาจมีเวลาหลายวินาทีก่อนคลื่นแรงสุดจะมาถึง” 
  •  สร้างความตระหนักรู้ (awareness) เรื่อง ภัยธรรมชาติและการเตรียมตัวหนีภัย 


------สมการหนึ่งบรรทัด อธิบายแรงที่เขย่าทั้งแผ่นดิน----- 

 

EP06 เผยความลับ แผ่นดินไหว 9.1 vs 7.1 ตอน 2

คำถาม

แผ่นดินไหวครั้งใหม่มีขนาดแมกนิจูด 9.1 ซึ่งมากกว่าครั้งก่อนในลอสแอนเจลิสที่มีขนาด 7.1 

แผ่นดินไหวครั้งใหม่ปล่อยพลังงานมากกว่าครั้งก่อนกี่เท่า?  
 

ส่งคำตอบได้ 2 ช่องทาง

1. https://www.facebook.com/mathonly

2. https://forms.gle/LLbaUfgMqBdSNoM29  

หากต้องการคลิปเฉลยคำตอบระเอียด แจ้งทาง Facebook ใส่ใต้คลิปคำถามในเพจได้เลย จะจัดส่งให้ฟรี


" ความรู้เป็นสิ่งมีค่า ทำให้แต่ละคนแตกต่าง ดังนั้นควรมอบให้ผู้ที่มีความเพียร และรู้คุณค่า"



ได้อะไรจากการทำโจทย์

1.เข้าใจพลังของธรรมชาติแบบตัวเลข

  • รู้ว่าแผ่นดินไหวขนาด 9.1 ริกเตอร์มีพลังมาก กว่าระเบิดฮิโรชิมาหลายหมื่นลูก 
  • จากตัวเลข เราจะ “รู้สึก” และ “ตระหนัก” ถึงอานุภาพจริง ไม่ใช่แค่คำว่า "แรงมาก" 


2.ฝึกใช้สูตรจริงจากโลกวิทยาศาสตร์

  • ได้ฝึกใช้สูตรของ Gutenberg–Richter และ Omori’s Law 
  • เข้าใจว่าโลกวิทย์มีสมการรองรับการทำนายพฤติกรรมธรรมชาติ เช่น aftershock 


3.ประยุกย์ใช้กับเหตุการณ์จริง

  • เข้าใจว่าทำไมคนในกรุงเทพฯ ถึงรู้สึกแผ่นดินไหวที่เกิดในพม่า 
  • หรือทำไมดินอ่อนถึงทำให้ตึกในกรุงเทพสั่นแรงกว่าจุดอื่น 


4.พัฒนาทักษะคิดวิเคราะห์

  • มากกว่าการคิดเลข -ตั้งสมมติฐาน → คำนวณ → วิเคราะห์ → สรุปผล 
  • ช่วยให้คิดเชิงระบบ และ เห็นภาพรวม ไม่ใช่แค่ตัวเลข 


สรุป

  • การทำโจทย์นี้คือการฝึกคิดแบบนักวิทยาศาสตร์ 
  • และเข้าใจว่า “คณิตศาสตร์” ไม่ได้อยู่แค่ในห้องเรียน แต่มันอธิบายโลกที่เรายืนอยู่ทุกวัน 


------สมการหนึ่งบรรทัด อธิบายแรงที่เขย่าทั้งแผ่นดิน----- 

 

EP05 ไขปริศนาแผ่นดินไหว ปล่อยพลังงานแค่ไหน ตอน 1

ในภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง ได้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 9.1 ตามมาตราริกเตอร์บริเวณรอยเลื่อนซานแอนเดรียส ซึ่งนักวิจัยต้องการคำนวณหาปริมาณพลังงานที่ปลดปล่อยออกมาจากแผ่นดินไหวครั้งนี้  


โดยใช้สูตรประมาณค่าพลังงาน: log10  (E)=1.5M+4.8  


โดยที่

  • E คือพลังงานที่ปลดปล่อย
  • M คือขนาดของแผ่นดินไหว (ตามมาตราริกเตอร์)  


จงคำนวณพลังงานที่ปลดปล่อยออกมาจากแผ่นดินไหวขนาด 9.1 ริกเตอร์ในหน่วยจูล (กำหนดให้ ดูในคลิปเนื่องจากไม่สามารถทำตัวเลขยกกำลังได้)  
 

ส่งคำตอบได้ 2 ช่องทาง

1. https://www.facebook.com/mathonly

2. https://forms.gle/QEhLScru2raYmUf89 

หากต้องการคลิปเฉลยคำตอบระเอียด แจ้งทาง Facebook ใส่ใต้คลิปคำถามในเพจได้เลย จะจัดส่งให้ฟรี


" ความรู้เป็นสิ่งมีค่า ทำให้แต่ละคนแตกต่าง ดังนั้นควรมอบให้ผู้ที่มีความเพียร และรู้คุณค่า"


ได้อะไรจากการทำโจทย์

1.เชื่อมโยงวิทยาศาสตร์กับชีวิตจริง

  • ทำให้เข้าใจว่า "แผ่นดินไหว" ไม่ใช่แค่ตัวเลขขนาด (แมกนิจูด) แต่ยังมีผลกระทบมหาศาลด้าน พลังงาน
  •  รู้ว่าแผ่นดินไหวสามารถเปรียบได้กับการระเบิดระดับ “ภูเขาราบ” ได้จริง! 


2. ฝึกการแปลงหน่วยและคำนวณเชิงลอจิก 

  •  ได้ฝึกใช้ สูตร log, แปลงค่าจาก joule → kcal → ton TNT
  • เรียนรู้การเทียบหน่วยเชิงปริมาณและตีความค่าตัวเลขในบริบทจริง 


3.  ใช้เป็นเครื่องมือการเรียนรู้ 

  •   “พลังงาน”, “การแปลงหน่วย”, “การประเมินความเสียหาย”
  • เชื่อมโยง ฟิสิกส์ + คณิตศาสตร์ + ภัยพิบัติ + สื่อศึกษา ได้ในบทเรียนเดียว! 


สรุป:

 การทำโจทย์นี้ไม่ใช่แค่ “รู้คำตอบ” แต่คือ “เข้าใจโลก” ผ่านพลังของ ตัวเลข วิทยาศาสตร์ และการเล่าเรื่อง 


------สมการหนึ่งบรรทัด อธิบายแรงที่เขย่าทั้งแผ่นดิน----- 


EP04 ไขปริศนาใครพูดจริง vs ใครพูดโกหก

สรุปโจทย์สั้นๆ:

"4 นักเรียนพูดกันคนละแบบ แต่มีเพียง 2 คนเท่านั้นที่พูดความจริง" 


รายละเอียดโจทย์

สถานการณ์: 

ในคืนหนึ่งที่โรงเรียเวทมนต์ Mystmere Academy of Magic มีข่าวลือว่ามี "ผู้แอบส่งข้อมูลลับให้ฝ่ายมืด" นักเรียนจากทั้ง 4 หอพักถูกเรียกมาสอบสวน: A, B, C และ D 


นักเรียนเวทมนตร์ 4 คน — A, B, C, D 

ถูกสอบโดยศาสตราจารย์แมคกอนนากัลในห้องแห่งความจริง 

พวกเขาพูดว่า: 

A: “C กับ D เป็นเพื่อนกัน และพวกเขาโกหกทั้งคู่” 

B: “ถ้า A โกหก งั้นฉันก็พูดจริง” 

C: “B กับ D พูดตรงกันข้าม” 

D: “อย่างน้อยหนึ่งในพวกเราพูดความจริง” 


เงื่อนไข:

มี 2 คนโกหก 

มี 2 คนพูดความจริง 

คำพูดบางประโยคเป็น "ตรรกะซ้อน" (if / and / opposite) 

ไม่มีใครพูดจริงแบบบางส่วน — พูดจริงหรือโกหกทั้งประโยค 


คำถาม

ใครคือ 2 คนที่ “พูดโกหก”? 


ส่งคำตอบได้ 2 ช่องทาง

1. https://www.facebook.com/mathonly

2. https://forms.gle/YRVa7N9cMTbiwLV18 

หากต้องการคลิปเฉลยคำตอบระเอียด แจ้งทาง Facebook ใส่ใต้คลิปคำถามในเพจได้เลย จะจัดส่งให้ฟรี


" ความรู้เป็นสิ่งมีค่า ทำให้แต่ละคนแตกต่าง ดังนั้นควรมอบให้ผู้ที่มีความเพียร และรู้คุณค่า"



ได้อะไรจากการทำโจทย์:

1.ฝึกทักษะตรรกะ (Logical Thinking)

  • คุณจะต้องแยกแยะว่า “ประโยคไหนจริง / เท็จ” 
  • ต้องมองให้ลึกกว่าคำพูดผิวเผิน 
  • ฝึกความแม่นยำทางเหตุผล อย่างเข้มข้น 


2.ฝึกการคิดอย่างเป็นระบบ (Systematic Reasoning)

  • ลองสมมุติทีละกรณี 
  • ตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างประโยค 
  • วาง Flow แบบถอยกลับ (Backward Reasoning) 


3.ฝึกความอดทนทางคณิตศาสตร์ (Cognitive Patience)

  • ไม่ใช่แค่หาคำตอบ “เร็ว” แต่ต้อง “มั่นใจว่าถูก” 
  • สอนให้ไม่เชื่อสิ่งที่ดูเหมือนง่ายเกินไป 
  • เป็นเครื่องฝึก “ความระวังในการสรุปเร็วเกินไป” 


4.เสริมทักษะการตรวจสอบความจริง (Fact Checking)

  • เหมาะกับโลกยุคปัจจุบันที่ข่าวลวง-การโกหกมีเยอะ 
  • โจทย์นี้สอนให้เรา ไม่หลงเชื่อคำพูดที่ดูน่าเชื่อถือเสมอไป 


5.พัฒนาไหวพริบและความคิดสร้างสรรค์

  • ไม่ใช่แค่ตรรกะเท่านั้น แต่ยังต้องตีความคำพูดแบบ มีนัยซ้อน 
  • เหมาะกับการสร้างบทละคร เกม escape room  


6.ฝึกความแม่นเบบโค้ดดิ้้ง / วิศวกรรม

  • โจทย์แบบนี้ใช้ตรรกะคล้ายกับการ debug โปรแกรม 
  • เหมาะมากกับนักเขียนโค้ด นักออกแบบระบบ ตรรกะฐานข้อมูล ฯลฯ 

สรุป

“ปริศนาใครพูดจริง ใครพูดโกหก” คือเครื่องมือฝึกสมองให้เฉียบคม และสอนให้คุณไม่หลงกลคำพูด... แม้จะดูน่าเชื่อเพียงใดก็ตาม"  

------------------------------------ 

ศัตรูที่น่ากลัวที่สุด 

คือความแน่ใจผิดๆ ที่คิดว่า 

"เราคิดถูกแน่แล้ว"

------------------------------------ 

ลิขสิทธิ์ ©2025 เลข - สงวนสิทธิ์ทุกประการ

ขับเคลื่อนโดย